ตราสารหนี้ คืออะไร? เข้าใจง่ายๆ
ตราสารหนี้ เปรียบเสมือนสัญญาการกู้ยืมเงินระหว่างผู้ให้กู้ (นักลงทุน) กับผู้กู้ (ผู้ออกตราสารหนี้) โดยผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ให้กู้เป็นระยะ และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ ผู้กู้จะต้องชำระเงินต้นคืนให้กับผู้ให้กู้
เปรียบเทียบง่ายๆ: สมมติคุณยืมเงินเพื่อน 10,000 บาท โดยตกลงกันว่าจะจ่ายดอกเบี้ยให้เดือนละ 500 บาท และจะคืนเงินต้นทั้งหมดเมื่อครบ 1 ปี ในกรณีนี้ คุณคือผู้ออกตราสารหนี้ (ผู้กู้) และเพื่อนของคุณคือผู้ถือตราสารหนี้ (ผู้ให้กู้)
ทำไมต้องมีตราสารหนี้?
แหล่งเงินทุน: เป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับรัฐบาล บริษัท และองค์กรต่างๆ ในการขยายกิจการหรือลงทุนในโครงการต่างๆ
การกระจายความเสี่ยง: นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ โดยการลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลาย
ผลตอบแทนที่แน่นอน: ตราสารหนี้มักให้ผลตอบแทนที่แน่นอนในรูปของดอกเบี้ย
ประเภทของตราสารหนี้
ตราสารหนี้รัฐบาล: ออกโดยรัฐบาล เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง มักมีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ
ตราสารหนี้เอกชน: ออกโดยบริษัทเอกชน เช่น หุ้นกู้ ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้รัฐบาล แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าด้วย
ตราสารหนี้ระยะสั้น: อายุไม่เกิน 1 ปี เช่น ตั๋วเงินคลัง
ตราสารหนี้ระยะกลาง: อายุ 1-10 ปี
ตราสารหนี้ระยะยาว: อายุมากกว่า 10 ปี
ข้อดีของการลงทุนในตราสารหนี้
ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น: ราคาของตราสารหนี้มักมีความผันผวนน้อยกว่าราคาหุ้น
ผลตอบแทนสม่ำเสมอ: ได้รับดอกเบี้ยเป็นระยะ
กระจายความเสี่ยง: สามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง: ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้น
ข้อควรระวัง
ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย: หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น ราคาของตราสารหนี้ที่มีอยู่จะลดลง
ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้: บริษัทเอกชนอาจผิดนัดชำระหนี้ได้ ทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน
สรุป
ตราสารหนี้เป็นเครื่องมือทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แต่ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ